ข้อควรปฎิบัติก่อยการผ่าตัดเสริมหน้าอก

ก่อนที่ทำการผ่าตัดเสริมหน้าอกผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการผ่าตัด ดังนี้

1.งดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 3 สัปดาห์- 1 เดือนก่อนเข้ารับการผ่าตัด

2.งดรับประทานยา อาหารเสริม วิตามินทุกชนิด

3.งดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดก่อนการเข้ารับการผ่าตัด 6-8 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการผ่าตัด

4.แจ้งแพทย์ทุกครั้งถ้ามีอาการแพ้ยาหรือสารเคมีตัวใด เพื่อที่แพทย์จะได้หลีกเลี่ยงการใช้ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว

5.เลือกสถานที่ให้บริการที่ได้รับมาตรฐานชัดเจนเพื่อความปลอดภัยของชีวิต และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อน

นอกจากการเสริมหน้าอกด้วยการใส่เต้านมเทียมแล้ว ยังมีการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมันเข้าสู่เต้านม

ซึ่งการฉีดไขมันเพื่อเสริมขนาดของเต้านมจะทำการดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาทำการฉีดเข้าสู่เต้านมเพื่อเพิ่มขนาดของเต้านม แต่เมื่อทำการฉีดไขมันเข้าไปแล้ว ไขมันจะมีการยุบตัวลงและสลายตัวสูงสุดถึงร้อยละ 70 การฉีดไขมันจึงคงอยู่ไม่นานและขนาดที่สามารถเพิ่มขึ้นได้ก็ไม่ใหญ่มากเหมือนกับการเสริมด้วยซิลิโคน การฉีดไขมันเข้าสู่เต้ามีการใช้กันมาอย่างยาวนานเพื่อรักษาความผิดปกติของเต้านม เช่น เต้านมที่มีเนื้อบางมาก เต้านมที่มีผิวเป็นลอนคลื่น เต้านมที่มีพังผืด เป็นต้น ซึ่งการฉีดไขมันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้บางส่วนเท่านั้น ข้อดีของการฉีดไขมันคือมีความเสี่ยงในการเกิดปฏิกิริยาการต่อต้านน้อยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอยู่แล้วเพียงแต่ย้ายที่อยู่เท่านั้นเอง ปัจจุบันได้มีการนำฟิลเลอร์มาฉีดเพื่อเพื่อขนาดของเต้านม ซึ่งการนำฟิลเลอร์มาฉีดเข้าสู่เต้านมจัดเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก เพราฟิลเลอร์ไม่สามารถสลายได้เอง จึงเกิดสารตกค้างทำให้เต้านมเกิดอาการอักเสบซึ่งบางครั้งไม่สามารถทำการรักษาได้จนต้องทำการตัดเต้านมทิ้งก็มี

เมื่อเข้ารับการผ่าตัดแล้วผู้ปวยจะต้องพักฟื้นประมาณ 7-14 วันจึงจะสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และอาการปวดจะเกิดขึ้นเพียงแค่ะ 2-5 วันแรกหลังจากการผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งแพทย์จะให้ยาแก้ปวดและลดอาการอักเสบ